WFH ชั่วโมงทำงานที่ยืดหยุ่น กุญแจสำคัญสร้างคุณภาพชีวิตพ่อแม่มนุษย์งานยุคโควิด

เรื่อง WFH และมีเวลาการทำงานที่ยืดหยุ่น อยากให้พนักงานที่มีลูกเล็กได้ใช้ใน 3 ปีแรกเลยเพื่อการเลี้ยงเด็กให้มีคุณภาพที่ดี ถ้าไม่สามารถให้ในเรื่องนี้ได้ การมีสถานที่รับเลี้ยงเด็กในสถานประกอบการ ก็พอจะตอบโจทย์แทนได้ เรื่อง : วาสนา เดชวาร ในช่วงเกือบ 3 ปีที่ผ่านมา ทั่วโลกตกอยู่ในภาวะวิกฤติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้คนต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ รวมทั้งรูปแบบการทำงาน โดยเฉพาะคนที่ทำงานในองค์กรต่างๆทั้งภาครัฐและเอกชน ได้รู้จักกับการทำงานวิถีใหม่ ซึ่งมีทั้งผลดีและผลกระทบต่อครอบครัวในรูปแบบที่แตกต่างกันไป ผศ.ดร.มนสิการ กาญจนะจิตรา อาจารย์ประจำสถาบันวิจัยประชากรและสังคม มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งนอกจากเป็นนักวิจัย ยังมีอีกหนึ่งบทบาทหน้าที่คือคุณแม่ลูกสอง ผู้สนใจเรื่อง work-life balance และนโยบายส่งเสริมความอยู่ดีมีสุขของครอบครัวไทย จะมาเปิดมุมมองเกี่ยวกับครอบครัวยุคใหม่ที่ต้องทำงาน ต้องดูแลลูกในยุคโควิด รวมทั้งนำเสนอแนวคิดที่สามารถส่งเสริมประสิทธิภาพในการทำงานให้กับพนักงาน ในสถานการณ์โควิด-19 ทำให้เห็นความต้องการของครอบครัวได้ชัดเจนขึ้นหรือไม่ ในแง่ใดบ้าง ผศ.ดร.มนสิการ – ภาพต่าง ๆ ปรากฎชัดขึ้น กลุ่มคนที่ลักษณะการทำงานสามารถ WFH ได้ มีทั้งข้อดีและข้อเสียแล้วแต่ว่าลูกอยู่ในวัยไหน สำหรับพ่อแม่ที่ลูกต่ำกว่า 1 ขวบ WFH ถือเป็นสิ่งที่ดีมาก ๆ สำหรับแม่หลายคน ถึงยังไม่มีงานวิจัยอย่างจริงจังแต่จากที่ได้สัมภาษณ์จากคนรู้จัก […]

สค.หนุนที่ทำงาน เอื้อคุณภาพชีวิตลูกจ้าง และครอบครัว

สถานที่ทำงานมีความสำคัญต่อคุณภาพชีวิตคนทำงาน เป็นเหมือนบ้านหลังที่สอง เพราะหลายคนใช้เวลาในที่ทำงานมากกว่าบ้านด้วยซ้ำ ดังนั้น การพัฒนาสถานที่ในการทำงานให้เป็นมิตรต่อคนทำงานในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นสภาพแวดล้อม สิ่งอำนวยความสะดวก รวมไปถึงสวัสดิการที่เอื้อไปถึงครอบครัวพนักงาน ล้วนก่อให้เกิดการผลิตงานที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะในช่วงสถานการณ์โควิดแพร่ระบาด “การเรียกร้องของแรงงานหรือพนักงาน ที่เน้นเรื่องสวัสดิการ ผู้ประกอบการอาจมองในเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะเป็นการไปเพิ่มต้นทุน ทำอย่างไรถึงจะทำให้ผู้ประกอบการเห็นความสำคัญตรงนี้ ในเชิงของการส่งเสริมให้เหมือนเป็น CSR เป็นสวัสดิการเพื่อคืนกำไรให้สังคม “การจัดสิ่งอำนวยความสะดวก หรือสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อลูกจ้าง รวมทั้งสวัสดิการต่าง ๆ ที่จะเอื้อต่อพนักงานรวมไปถึงครอบครัว รัฐมีการสนับสนุนเพื่อจะสร้างแรงจูงใจในหลายด้าน” เป็นมุมมองจาก จินตนา จันทร์บำรุง อธิบดีกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว (สค.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ที่เห็นถึงอุปสรรคในการสร้างสวัสดิการให้กับพนักงานของสถานประกอบการหลายแห่ง ทำงานอย่างเป็นสุข ได้งานดีมีคุณภาพ ปัจจุบัน สถานประกอบการหลายแห่งเริ่มเล็งเห็นความสำคัญ และจัดให้มีนโยบายเกี่ยวกับสวัสดิการเพื่อครอบครัวของพนักงาน/ลูกจ้าง แต่ยังไม่เป็นที่รับรู้ในวงกว้างมากนัก ความร่วมมือกันของหน่วยงานต่าง ๆ จึงมีความสำคัญในการสนับสนุนให้สถานประกอบการ ภาครัฐมีแนวนโยบายเรื่องการดูแลผู้หญิงวัยแรงงานและบุตร และพัฒนาความร่วมมือกับสถานประกอบการ/องค์กร ที่มีความสนใจในการพัฒนาแนวทางส่งเสริมครอบครัวเข้มแข็ง ให้แก่พนักงาน/ลูกจ้าง อธิบดีจินตนา เผยแนวคิดว่า สถานที่ทำงานที่สร้างความสุขต่อการทำงาน จะมีผลต่อสุขภาพและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้ รวมทั้งต้องมีพื้นที่ที่ปลอดภัย เช่น ลานจอดรถไม่เปลี่ยว มีห้องน้ำที่มีสัดส่วนเพียงพอทั้งผู้หญิงและผู้ชาย มีห้องให้นมบุตร […]

โอกาสจากวิกฤตโควิด องค์กรยุคใหม่ได้วิธีจัดการ พนักงานแบกภาระครอบครัว

แฮร์ริส โพลล์ สำรวจการจ้างงานกลุ่มลูกจ้างที่เป็นพ่อแม่ในประเทศแคนาดา พบว่า วิกฤตโควิด-19 ส่งผลกระทบเชิงลบต่อคนทำงานที่ต้องดูแลครอบครัว จากมาตรการล็อกดาวน์ ทำให้ต้องทำงานจากที่บ้าน และพนักงานจำนวนมากไม่สามารถรับมือการทำงานไปพร้อมกับการดูแลครอบครัวได้ ผลสำรวจพบว่า 1 ใน 4 ของบริษัทในแคนาดา รายงานว่าในช่วงที่ต้องทำงานจากที่บ้าน บริษัทต้องประสบปัญหาพนักงานขอลาหยุดกันบ่อยมาก ด้วยเหตุผลเรื่องความจำเป็นในการดูแลสมาชิกในครอบครัว โดยร้อยละ 20 ต้องดูแลลูก  ส่วนอีกร้อยละ 14 ดูแลสมาชิกอื่น ๆ ในครอบครัว 1 ใน 3 ของบริษัทที่เป็นกลุ่มสำรวจระบุว่า พนักงานร้อยละ 36 ขอปรับเวลาการทำงาน และอีกร้อยละ 33 ขอลดชั่วโมงการทำงานลง เพราะความจำเป็นเรื่องครอบครัว นอกจากนี้ พนักงานบางรายขอพักงานโดยไม่รับค่าจ้างไปเลยก็มี การสำรวจในครั้งนี้ ยังสอบถามความคิดเห็นของคนทำงาน ร้อยละ 27 ตอบว่า คนทำงานที่เป็นแม่ได้ผลกระทบเชิงลบอย่างรุนแรง อีกร้อยละ 6 ตอบว่าคนทำงานที่เป็นพ่อได้รับผลกระทบรุนแรง และเกินครึ่งเห็นว่าทั้งคนที่เป็นพ่อและแม่ต่างก็ได้รับผลกระทบเชิงลบที่รุนแรงพอ ๆ กัน อย่างไรก็ตาม ถ้าดูจากการลาเพื่อดูแลครอบครัวในช่วงโควิด-19 เห็นได้ว่าส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง กลุ่มสำรวจที่เป็นผู้หญิงหลายคนให้ข้อมูลตรงกันว่า เวลาที่ต้องทำงานจากที่บ้าน […]

พ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว แกร่งกว่าที่คิด

“ปัญหาอย่างหนึ่งก็คือ ที่ทำงานส่วนใหญ่มักจะคิดว่าพนักงานแต่งงานแล้ว ต้องมีคู่แต่งงาน และถ้ามีลูก ก็ต้องมีคนช่วยดูแลลูก ฉะนั้น จะเรียกตัวพนักงานเมื่อไรก็ได้” ทันซิน่า เวก้า นักข่าวและผู้จัดรายการวิทยุ The Takeaway พูดถึงวัฒนธรรมทำงานหนักในปัจจุบัน ที่บริษัทมองว่าพนักงานต้องพร้อมเรียกใช้งานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทันซิน่ายังบอกอีกว่า การละเลยความเป็นจริงว่าพนักงานมีภาระต้องดูแลครอบครัว ดูแลลูก โดยเฉพาะพนักงานที่เป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว ทำให้นโยบายสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ของบริษัทไม่ครอบคลุม และสอดคล้องต่อความต้องการ ยิ่งในช่วงสถานการณ์โควิดระบาดหนัก สถานรับเลี้ยงดูเด็ก โรงเรียนถูกสั่งปิด พนักงานที่มีครอบครัวต้องรับสองหน้าที่พร้อมกัน ทั้งการเป็นพนักงานออฟฟิศ และเป็นพ่อแม่ที่ต้องดูแลลูก ทำให้เกิดความเครียดเรื้อรัง พอนาน ๆ เข้า อาการเครียดส่งผลให้มีภาวะหมดไฟในการทำงาน (ภาวะ Burnout) ไปในที่สุด บริษัทยุคใหม่สนใจ จ้างพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว ขณะที่หลายบริษัทอาจเชื่อว่า พนักงานที่มีสถานะเป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวน่าจะไม่ทุ่มเทกับการทำงาน จึงไม่อยากจ้างพนักงานที่เป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่ก็มีบริษัทจำนวนอีกหนึ่งที่มองเห็นโอกาส ด้วยความเชื่อที่ว่า การจ้างพนักงานที่เลี้ยงลูกคนเดียว น่าจะเป็นประโยชน์กับธุรกิจ บริษัทเหล่านี้เชื่อว่าพนักงานที่เป็นพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวจะรู้จักการจัดสรรเวลาที่ดี และมีทักษะการจัดการปัญหาดีเยี่ยม ซึ่งจะทำให้งานมีประสิทธิภาพ เพราะคนเหล่านี้เห็นคุณค่าของเวลา เนื่องจากมีเวลาจำกัด จึงจะไม่ยอมเสียเวลาไปกับเรื่องไร้สาระอย่างแน่นอน นอกจากนี้ ยังเชื่ออีกว่าพ่อแม่เลี้ยงเดี่ยวเป็นพนักงานที่ยินดีทำงานหนัก […]